วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ตำนานกรีกโรมัน ตอน ดินแดนแห่งความตาย

 ตำนานกรีกโรมัน ตอน ดินแดนแห่งความตาย



ดินแดนแห่งความตาย

        เมื่อเดินทางจากปากทางสู่ยมโลก ก็จะพบแม่น้ำแอคเคอรอน (Acheron) แม่น้ำแห่งความวิปโยคหรือความเจ็บปวด

แม่น้ำสายนี้เป็นสีดำสนิท ไหลไปบรรจบกับแม่น้ำโคไซตัส (Cocytus) หรือ โคซีตุส (Cocetus) แม่น้ำแห่งความกำสรวล

เป็นแม่น้ำที่เกิดจากน้ำตาของผู้ถูกทรมานในนรก จึงมีรสเค็ม (แล้วใครหนอที่กล้าชิมน่ะ)

จุดบรรจบกันของแม่น้ำสองสายนี้มีคนแจวเรือ ชื่อ เครอน หรือ ชารอน (Charon) คอยพาวิญญาณข้ามฟากไปสู่นรก

ด้วยค่าจ้างเที่ยวละ 1 โอโบล (ราว 1 เพ็นนีครึ่ง) วิญญาณดวงใดไม่มีค่าจ้างจ่ายให้ (คือวิญญาณที่ไม่ได้ประกอบพิธีศพ

ญาติไม่ได้ให้ "เงินปากผี" มาด้วย) ก็จะถูกปล่อยให้รออยู่ 100 ปี ชารอนจึงยอมพาข้ามให้ฟรีๆ (งกแฮะ)

        นอกจากแม่น้ำสองสายนั้นแล้ว ก็ยังมีแม่น้ำอีก 3 สายในนรก

        - แม่น้ำสติกซ์ (Styx) แม่น้ำแห่งความเกลียด เป็นแม่น้ำสาบานของเหล่าทวยเทพ ซึ่งถ้าอ้างคำสาบานต่อ

แม่น้ำสายนี้ แล้วจะผิดคำสาบานไม่ได้ (อันนี้กระผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ขนาดเทพซีอุสเอง ยังต้องยอมปล่อยให้

ชายาองค์หนึ่งที่กำลังตั้งครรภ์ ตายไปต่อหน้าต่อตา เพียงเพราะไม่ต้องการผิดคำสาบานต่อแม่น้ำนี้) และแม่น้ำนี้เอง

ที่นางอัปสรธีทิสเอาลูกๆทั้ง 7 (หนึ่งในนั้น คือ อคิลลิส (Achilles)) จุ่มลงไปเพื่อให้คงกระพันเป็นอมตะ ลูก 6 คนเป็นอมตะหมด

เพราะ ได้รับการจุ่ม 2 ครั้ง ครั้งแรกจับข้อเท้าแล้วจุ่มตัวลงไป ครั้งที่ 2 ก็จับส่วนอื่น เพื่อจุ่มเท้าลงไปแทน จึงเป็นอมตะทั้งตัว

แต่อคิลลิสมีจุด อ่อนตรงข้อเท้าเพราะถูกจุ่มลงไปครั้งเดียว พอจะจุ่มครั้งที่ 2 พ่อกลับมาขัดขวางไว้ (ผัดไว้เล่าคราวหน้าครับ

เดี๋ยวหมดเรื่องไว้หากิน แหะๆ) ในหนังสือ โลกที่เราไม่ได้เลือก ของเสริมศรี เอกชัย กล่าวว่า ชารอนพายเรือพาข้ามแม่น้ำ

สติกซ์นี้ต่างหาก

        - แม่น้ำลีธี หรือ เลเธ (Lethe) แม่น้ำแห่งความลืม เมื่อดวงวิญญาณดื่มน้ำในแม่น้ำนี้ ก็จะลืมอดีตทั้งหมด

(บางทีผมก็อยากได้สักอึกหนึ่งเหมือนกันครับ)

        - แม่น้ำเฟลจีธอน หรือ เฟลเกทธอน (Phlegethon) เป็นแม่น้ำไฟ ที่มีเปลวไฟลุกท่วมตลอดเวลา

ล้อมรอบนรกขุมที่ลึกที่สุด... ทาร์ทะรัส

        วิญญาณที่ข้ามแม่น้ำมาแล้ว ก็จะพบประตูสู่แดนอีเรบุส หรือ เออรีบัส (Erebus) ที่มีเซอร์บีรัส

สุนัข 3 หัว หางมังกร เฝ้าอยู่ มันจะยอมให้เพียงคนตายเท่านั้นที่ผ่านเข้าไป และไม่ยอมให้ย้อนกลับมาเด็ดขาด

(แล้ว คนเป็นๆ 5 คนที่ผ่านไปเจอฮาเดสได้ล่ะ เฮรากลิสใช้กำลังจับเซอร์บีรัสไป กับออร์ฟิอัสดีดพิณ

กล่อมเซอร์บีรัสจนหลับ นี่ยังพอเข้าใจ แต่ไซคี แค่โยนขนมให้กิน ก็ผ่านไปได้แล้ว สุนัขที่ไหนก็ยังคงเป็นสุนัขเนาะ (- -"))

        เมื่อผ่านประตูมาก็จะถูกตัดสินบาป จาก 3 ตุลาการแห่งยมโลก ได้แก่ ราดาแมนทิส (Rhadamanthys)

ไมนอส (Minos) และ อีเอคุส (Eacus หรือ อือคัส (Aeacus)) ผู้ทำบาปไว้มากก็จะถูกส่งไปลงโทษ

ส่วนผู้ทำความดี หรือผู้ที่มีเชื้อสายเทพเจ้า (เด็กเส้น (- -")) จะถูกส่งไปที่ทุ่งเอลีเซียน (Elysian) ซึ่งเป็นทุ่งที่มี

ดอกไม้สวยงามบานอยู่ตลอดเวลา หรือเป็นแดนสุขาวดีของกรีก (สวรรค์บนยอดเขาโอลิมปัส สงวนไว้ให้ซีอุส

และ วงศ์วานว่านเครือเท่านั้น)

        ในยมโลกแบ่งเป็นหลายแดน มีทั้งแดนกักกัน ที่ขังวิญญาณเพื่อรอลงทัณฑ์ หรือแดนพักฟื้น สำหรับ

วิญญาณ ที่รอไปเกิด แต่วังของฮาเดสไม่มีตำราไหนกล่าวถึงว่าตั้งอยู่ตรงส่วนไหน นอกจากนี้ ฮาเดส ยังถือเป็น

เจ้าแห่งทรัพย์ด้วย เพราะแร่ธาตุมีค่าทั้งหมดใต้ดินก็ถือเป็นของเทพฮาเดส ชาวโรมันจึงเรียกฮาเดสอีกชื่อหนึ่งว่า

ดิส (Dis) แปลว่าทรัพย์

        นอกจากตุลาการทั้ง 3 แล้ว ในยมโลกยังมีเทวีทัณฑกร หรือภูตพยาบาทอีก 3 องค์

เรียกว่า อีริเนียส (Erinyes) หรือ ฟิวริส (Furies (ภาษาอังกฤษ), Furiae (ภาษาละติน))

ซึ่งเกิดจากเลือดของยูเรนัส เมื่อครั้งถูกเคียวของโครนัส ฟิวริสทำหน้าที่ลงทัณฑ์วิญญาณบาป

และแม้ กระทั่งคนบาปที่ยังไม่ตายก็อาจถูกตามล่ารังควาญ เพื่อเอาตัวไปลงโทษได้เช่นกัน

มีกันอยู่ 3 นาง พี่น้อง ได้แก่

        - อเล็กโต (Alecto) เป็น ผู้ตามล่า

        - มีเกร่า (Megaera) เป็น ผู้เคียดแค้น

        - ทิซิโฟน (Tisiphone) เป็น ผู้ล้างแค้น

ทั้ง 3 นางมีลักษณะดุร้ายน่ากลัว แต่งกายด้วยผ้าสีดำ หน้าเหมือนสุนัข ลิ้นยาวห้อยร่องแร่งถึงทรวงอก

นัยน์ตากลวงโบ๋กลอกกลิ้งได้ มีงูพิษพันยั้วเยี้ยบนศีรษะ มีปีกเหมือนค้างคาว เล็บงองุ้มเหมือนเหยี่ยว

มือ หนึ่งถือขวาน มือหนึ่งถือคบไฟ

        ข้างบัลลังก์ของฮาเดส ยังมีหญิงชราพี่น้อง อีก 3 นาง รวมเรียกว่า โชคชะตา (Fates)

        - คนเล็กปั่นฝ้าย หมายถึง การสร้างเส้นชีวิต

        - คนกลางฟั่นเป็นเชือก หมายถึง การทำชีวิตให้มั่นคง

        - คนโต ตัดเชือกนั้นด้วยกรรไกร หมายถึง ความตาย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น